สวัสดีปีใหม่ 2558 ทุกๆท่านค่ะ เมื่อปีเก่าผ่านไป และปีใหม่มาเยือนเหมือนเช่นที่ผ่านมานั้น หลายท่านอาจมีความตั้งใจที่จะทำอะไรใหม่ๆ บ้างก็ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพตังเองซึ่งจะเห็นได้ว่าทุกวันนี้คนไทยเราเจ็บป่วยด้วย โรคที่ป้องกันได้เป็นส่วนใหญ่ ฉะนั้นเริ่มที่ตัวเราก่อนน่าจะเป็นสิ่งที่ดี เพราะทุกท่านคงเคยได้ยินมาบ้างว่า “ไปเปลี่ยนคนอื่นน่ะเปลี่ยนยาก ควรจะเปลี่ยนที่ตังเองจะดีกว่า” สำหรับเรื่องที่จะเล่าให้ฟังในวันนี้ก็คงจะหนีไม่พ้นเรื่องเกี่ยวกับสุขภาพของตัวเอง ขอเริ่มจากเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินชีวิตในทุกวันนี้แล้วกันนะคะ โดยจะพาท่านมารู้จักเรื่องอาหารไทยๆ กันค่ะ ซึ่งอาหารไทยที่จะกล่าวถึงนี้เป็นอาหารที่รู้จักกันดี
ข้าวเหนียว
ส้มตำ และไก่ย่าง เป็นอาหารที่คนส่วนใหญ่ทานกันบ่อยๆ
เนื่องจากเป็นอาหารที่ทานได้ทุกเพศทุกวัย ตั้งแต่เด็กจนผู้สูงอายุ แถมยังหาทานง่าย
รสชาติดี ที่สำคัญถ้ารู้จักที่จะเลือกรับประทานแล้วละก็
เราจะได้สารอาหารที่ครบถ้วนอีกด้วย มาดูกันค่ะ
ข้าวเหนียว เป็นอาหารหลักของคนไทย
จริงๆ ข้าวเหนียวนับเป็นอาหารที่บางท่านยิ่งทานยิ่งเพลิน โดยเฉพาะเด็กๆ
จัดว่าเป็นอาหารที่ชื่นชอบสำหรับเด็กๆ เป็นส่วนใหญ่
นอกจากนี้ข้าวเหนียวยังเป็นอาหารที่มีขายอยู่ทั่วไปสามารถหาซื้อข้าวเหนียวได้ง่ายและเกือบตลอดเวลาและถ้าไม่ซื้อข้าวเหนียวมาทาน
ก็สามารถทำเองได้ที่บ้านอีกด้วย เพื่อนที่ทำงานบางคนที่เป็นผู้ชาย
ชอบรับประทานข้าวเหนียวในปริมาณมาก ดังนั้นเขาจึงหุงทานเองโดยใช้หม้อหุงข้าวไฟฟ้า
หรือไมโครเวฟ หรือใช้หวดนึ่งข้าวที่ใช้กันมากในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
(เราอาจจะใช้หวดนึ่งขนาดเล็กก็ได้) นอกจากนี้
ข้าวเหนียวที่เราซื้อมาทานนั้นถ้าเหลือก็ยังสามารถนำมาเก็บไว้ในตู้เย็นได้
มีเรื่องเล่าและพบมากับตัวเองจากเพื่อนที่เคยเรียนด้วยกัน คือมีโอกาสได้รับประทานอาหารเย็นที่บ้านเพื่อนคนนี้
ซึ่งเป็นอาหารพื้นเมืองของชาวเชียงใหม่
แน่นอนว่าย่อมต้องมีข้าวเหนียวเป็นแหล่งของสารอาหารคาร์โบไฮเดรตอยู่ในแต่ละมื้อด้วย
เมื่อรับประทานเสร็จจะมีอาหารที่ทานกันไม่หมดรวมทั้งข้าวเหนียวที่เหลืออยู่ไม่มากนัก
แต่เขาไม่ได้ทิ้ง เก็บเข้าตู้เย็นแทน เลยได้โอกาสถามเคล็ดลับ เพื่อจะได้
นำไปใช้บ้าง ซึ่งได้ความว่าเวลราจะรับประทานข้าวเหนียวที่เหลือแช่ในตู้เย็น
ให้นำข้าวเหนียวออกมาจากตู้ และนำข้าวเหนียวอุ่นในไมโครเวฟ ก่อนปิดฝภาชนะที่ใส่ให้พรมน้ำลงบนข้าวาเหนียวเล็กน้อย
แล้วเราจะได้ข้าวเหนียวที่นิ่มเหมือนที่เราหุงสุกใหม่ๆ เลยทีเดียว
หลายทานชอบทานข้าวเหนียวเพลินจนลืมไปเลยว่าทานไม่เท่าไรแล้ว
เพื่อนคนหนึ่งไปทำงานที่จังหวัดเชียงใหม่ เป็นคนที่ชอบข้าวเหนียว
รวมทั้งอาหารเหนือเกือบทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นไส้อั่ว ลาบคั่ว แกงจอผักกาด
น้ำพริกหนุ่ม ตำขนุน สามารถทานได้ทุกมื้อไม่มีเบื่อ
โดยเฉพาะมื้อเย็นจะแวะซื้อที่ตลาดทุกวันอยู่ๆ ไป
ไม่นานน้ำหนักของเพื่อนคนนี้ก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนตัวกลม
เนื่องจากข้าวเหนียวแสนอร่อยที่เป็นที่ชื่นชอบของคนทุกกกลุ่มวัยนั้นแหละ
ถ้าเราทานแบบไม่ใส่ใจในปริมาณก็จะทำให้เราทานได้เรื่อยๆ
ข้าวเหนียวปริมาณครึ่งทัพพี ให้พลังงานเท่ากับ 80 กิโลแคลอรี
เทียบได้กับข้าวสุก 1 ทัพพี นอกจากนี้เวลาทานข้าวเหนียวส่วนใหญ่จะทานประมาณ 1-2 ทัพพีกันเลยทีเดียว
อาจจะด้วยความอร่อยนุ่มหอมก็เป็นไปได้
อย่างไรก็ตามถ้าคิดว่าทานมากและใช้พลังงานมากก็ไม่เป็นไร แต่ควรจะคำนึงอยู่เสมอว่าอะไรก็ตามถ้ารับประทานมากเกินไปร่างกายใช้ไม่หมดก็จะเก็บไว้ในรูปของไขมันสะสมไว้ตามส่วนต่างๆ
ของร่างกายได้นะค่ะ
อาหารชนิดต่อมาที่เป็นของรับประทานคู่ขนานกับข้างเหนียว
ได้แก่ส้มตำ และ ส้มตำนี้เป็นอาหารที่ขึ้นชื่อทั่วไปทั่วประเทศทีเดียว
นอกจากนี้เมนูส้มตำยังมีหลายแบบ ตั้งแต่ส้มตำไทย ส้มตำปลาร้า ส้มตำปู ส้มตำไข่เค็ม
ส้ตำหมูย่าง ซึ่งคุณค่าทางโภชนาการและพลังงานที่ได้รับจากการรับประทานก็จะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่ส่วนประกอบของส้มตำจานนั้นๆ
ว่ามีอะไรบ้าง ในแต่ละจานใส่ปริมาณมากน้อยเท่าไร
รวมทั้งรับประทานในปริมาณมากน้อยเท่าไรอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม
ลองมาทำความรู้จักคุณประโยชน์ของส่วนประกอบของส้มตำกันดูนะค่ะ
มะละกอดิบ มีคุณค่าทางโภชนาการสูง
ถ้าเป็นมะละกอที่ออกสีเหลืองอ่อนจะมีวิตามินเอ จะมีหน้าที่ ช่วยบำรุงสายตา ผม ฟัน
เหงือก สารเบต้าแคโรทีนเป็นสารต้านอนุมูลอิสระมีส่วนช่วยต้านโรคมะเร็ง
และยังทำให้ผิวพรรณสดใส
มะเขือเทศ มีสารต้านอนุมโลอิสระ (antioxidant)
และช่วยในการป้องกันการเสื่อมสภาพของเซลล์ในร่างกาย
การรับประทานมะเขือเทศเพียงวันละ 1-2 ลูก จะให้ประโยชน์ต่อร่างกายมากมาย เป็นต้นว่า
ช่วยต้านโรคความดันโลหิตสูง บำรุงดวงตา และสายตา บำบัดอาการปัสสาวะขัด บำรุงเหงือก
และฟัน ป้องกันหลอดเลือดแข็งตัว สร้างภูมิต้านทานโรค ไม่ให้เป็นหวัดง่าย
แก้ท้องผูกและบำรุงผิวพรรณ
มะกอก รสชาติจะออกเปรี้ยวอมฝาด
เมื่อรับประทานสักระยะหนึ่งจะมีรสหวาน ชุ่มคอ จึงช่วยรักษาอาการเลือดออกตามไรฟัน
รักษาโรคกระเพาะอาหาร
พริกขี้หนู พริกขี้หนูจะช่วยเพิ่มระดับของฮอร์โมนเอโดฟินและเซโรโทนิน
ซึ่งเป็นฮอร์โมนแห่งความสุข เพราะฉะนั้นจึงเป็นสมุนไพรที่ช่วยต้านโรคซึมเศร้า
และคลายเครียดได้ด้วย รสชาติที่เผ็ดร้อนของพริก
จะช่วยทำให้เจริญอาหารและอยากกินอาหารมากยิ่งขึ้น
กระเทียม
ถึงแม้กระเทียมจะมีกลิ่นแรงแต่ก็มีประโยชน์ต่อสุขภาพเป็นอย่างมาก
ช่วยป้องกันโรคหัวใจ เนื่องจากช่วยลดความดันโลหิต และลดไขมันที่อุดตันของเส้นเลือด
มะนาว มีวิตามินซี น้ำมะนาวในลูกมีรสเปรี้ยว
ช่วยขับเสมหะ แก้ไอ แก้ไขโรคเลือดออกตามไรฟัน
ถั่วฝักยาว เนื่องจากมีแร่ธาตุจำพวกแคลเซียม
ฟอสฟอรัส วิตามินซี ช่วยให้ร่างกายดูดซึมธาตุเหล็กได้ดี มีกากใยอาหารสูง
กะหล่ำปลี ในกะหล่ำปลีมีวิตามินซีสูง จึงทำให้หายเป็นหวัดได้เร็ว
ช่วยป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟัน
ผักบุ้ง
เป็นผักที่มีรสจืดเย็นช่วยขับพิษถอนพิษเมื่อเมา มีวิตามินเอสูง ช่วยบำรุงสายตา
จะเห็นไดว่าส่วนประกอบของส้มตำแต่ละจานอุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการ
ถ้าใครอยากจะทานผักสดแล้วละก็
เมนูส้มตำเป็นเมนูที่อยากจะแนะนำให้เลือกรับประทานนะคะ เพราะมีผักหลากหลายชนิด
ทานแล้วได้ประโยชน์กับร่างกาย นอกจากนี้ยังสามารถเลือกชนิดของผักได้อีก
ไม่ชอบแนนไหนกไม่ต้องใส่ลงไป ใช้ผักชนิดอื่นแทน
ส่วนท่านที่ต้องการดูแลสุขภาพของตน
เช่น ต้องการลดน้ำหนักก็
สามารถรับประทานได้ และเลือกส่งประกอบของส้มตำได้ เช่น ไม่ใส่น้ำตาลน้ำปลามาก
รวมทั้งถ้าเป็นส้มตำไทยก็จะใส่ถั่วลิสงให้น้อยลง
เราก็จะทานส้มตำไทยที่ดีต่อสุขภาพได้ค่ะ